จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า

คุณยังจำตัวเองเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้หรือไม่ รอบๆ ตัวคุณนั้นคงแตกต่างจากตอนนี้ใช่หรือไม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในยุค 2021 คือยุคแห่งความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี และเรายังพัฒนาไปเร็วจนชวนให้ตกตลึง แล้วคุณคิดว่าโลกของเราจะเป็นอย่างไรในอีก 4-5 ปีข้างหน้า นั่นเพียงแค่ไม่กี่ปีถัดจากนี้ แต่หลายสิ่ง หลายอย่าง น่าจะตื่นเต้นขึ้นจริง ๆ ลองไปอ่านกันต่อเลยว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเรานั้นจะมีอะไรกันบ้าง

การใช้แผงโซล่าเซลล์ การเอาชนะปริมาณการผลิตพลังงานฟอสซิล แล้วกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดบนโลกของเรา นักวิจัยทอมสัน รอยเตอร์ แน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น เพราะวัตถุดิบใหม่ และวัสดุที่ได้รับการพัฒนา โซล่าเซลล์จะช่วยดูดซับพลังงานแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น แม้กระทั่งตอนที่มีเมฆมาก

ภาพเสมือนและการจำลองโลกจริงจะกลายเป็นเทคโนโลยีหลัก ทุกวันนี้สิ่งที่ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และยังไม่พัฒนามากนักแต่ในอีก 4-5 ปีจากนี้ มันจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นคุณจะสามารถท่องเที่ยวแบบเสมือนจริงไปรอบ ๆ โรงแรมได้ ก่อนจะจองห้องพัก หรือคุณสามารถที่จะดูโมเดล 3 มิตของสินค้าในร้านก่อนที่จะใส่ลงรถเข็ญ ดังนั้นเทคโนโลยีการจำลองโลกจริงนั้นก็ถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก

การฝังไมโครชิพไว้ใต้ผิวหนังแทนกระดาษหรือบัตรพลาสติก อวัยวะเทียมจะทำงานได้เหมือนแขนขาจริงๆ การปลูกถ่ายจะได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้อวัยวะภายในทำงานได้ และยังมีอะไรอีกมากมาย

ในช่วงปี 2025 ทั้งหมดนี้จะเริ่มเข้าถึงคนหมู่มาก และหลังจากนั้นก็จะยิ่งราคาถูกลง และได้รับได้ความนิยมมากขึ้น ปัญหารถติดจะได้รับการแก้ไข หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง ด้วยอัตราการเติบโตขึ้นของการต้องการรถยนต์ไร้คนขับ แม้กระทั่งรถลอยฟ้าแทบทนรอดดูไม่ไหว และจำนวนของมนุษย์จะลดลงอย่างน่าใจหาย และเพราะนั้นคือเหตุผลหลักที่ทำให้การจราจรติดขัดเกิดขึ้น ในที่สุดก็จะได้เห็นถนนโล่ง โปร่งและสบายขึ้นตามเมืองใหญ่ และเราสามารถทำภาระกิจได้เสร็จทันตามเวลาอีกด้วย

และในช่วงปี 2025 พลังงานจากแก๊สโซลีน จะเริ่มกลายเป็นความทรงจำจางๆ  รถยนต์ไฟฟ้าและพลังานไฮโดรเจน จะผลักรถยนต์ใช้แก๊สให้ออกจากตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ที่อาจเกิดขึ้นและเข้ามาแทนที่ส่วนที่เหลือทั้งหมด แค่ลองนึกภาพดูว่ารถยนต์ต้องการพลังงานแสงอาทิตย์ และเวลาระยะหนึ่งก่อนที่คุณจะชาร์ตเพื่อขับไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ ไม่ต้องน้ำมันหมดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีกต่อไป

เรื่องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือ inter of things จะกลายเป็นสิ่งที่ใช้กันทั่วไป บ้านอัจฉริยะ ออฟฟิศอัจฉริยะ ทุกสิ่งก่อสร้างแบบอัจฉริยะ ทุกสิ่งจะเชื่อมกันแบบตรงตามตัวอักษร แยกขาดกันแค่เครือข่ายภายใน การอยู่คนเดียวและกลับมาจากที่ทำงานและมีอาหารเย็นร้อนๆ หรือบ้านสะอาดเอี่ยมรออยู่จะกลายเป็นความจริง ทุกสิ่งจะถูกจัดทำโดยระบบอัตโนมัติ แค่คุณขยับนิ้วไม่กี่ทีบนหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือว่าแท็ปเล็ต

อินเตอร์เน็ตจะเชื่อมต่อโลกทั้งใบเข้าด้วยกันทุกวันนี้ในโลกของเรามีเพียง 3,000 ล้านคนที่เข้าสู่เว็บไซต์ได้ตลอดเวลา และในขณะที่อีก 5,000 ล้านคนเข้าถึงได้อย่างจำกัดหรือเข้าถึงไม่ได้เลย

บริษัทใหญ่ๆ อย่าง google และ Facebook และ Spacex กำลังทำงานร่วมกันในโครงการเพื่อนำอินเตอร์เน็ตมาสู่ทุกคนบนโลกใบนี้ ในความเร็วมากกว่า 1 เมกะไบต์ต่อ 1 วินาที ดังนั้นในช่วงปี 2025 จะประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน และยังมีอื่น ๆ อีกมากมายที่เปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัดโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีนั่นเอง

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

อยากรู้หรือไม่ว่า 7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้จะมีอะไรกันบ้าง

  1. เมกะเทรนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตถึง 86% แล้วบริษัทที่ทำธุรกิจนี้มีอะไรกันบ้าง ก็อย่างเช่น บริษัท Starlink บริษัทผู้ให้อินเตอร์เน็ตจากอวกาศ ที่ก่อตั้งโดยอี ลอนมัสก์ นั่นเอง
  2. เมกะเทรนบล็อกเชน ซึ่งคาดการณ์ว่า 10 ปีหลังจากนี้จะเติบโตถึง 68% ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจนี้ก็คือ IBM Blockchain Worldwire ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบการชำระเงินข้ามประเทศ
  3. เมกะเทรนปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตสูงถึง 55% ซึ่งตัวอย่างของบริษัทที่ทำธุรกิจนี้กับ AI ก็อย่างเช่นบริษัท Deepmind ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนา AI ในเครือของ alfabet บริษัทแม่ของ Google นั่นเอง
  4. เมกะเทรนสื่อภาพเสมือน (AR/VR) ซึ่งธุรกิจที่อยู่ในนี้ก็ต้องบอกว่ามีการคาดการณ์การเติบโตสูงถึง 46% ในรอบ 10 ปีนี้ และตัวอย่างธุรกิจก็อย่างเช่น Oculus ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ภาพเสมือนจาก Facebook นั่นเอง
  5. เมกะเทรน Edge Computing คือระบบประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกหลังจากนี้เราจะเต็มไปด้วยโลกอินเตอร์เน็ต เพราะทุกอย่างสามารถสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตกันได้ ดังนั้นแล้วการประมวลผลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยทำให้การเติบโตของ Edge Computing  เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง โดยมีการคาดการณ์กันว่าในช่วงหลังจาก 10 ปีนี้ Edge Computing  จะเติบโตได้สูงสุดถึง 36% หนึ่งในเจ้าใหญ่ที่ลงมาจับตลาดตรงนี้ก็คือ Amezon ที่เขามีการพัฒนา aws for edge ที่ให้บริการ Edge Computing โดยเฉพาะ
  6. เมกะเทรน พลังงานแบบไร้สาย มีการคาดการณ์กันว่าจะเติบโตสูงถึง 34% ซึ่งประเด็นนี้หลายคนอาจจะนึกไม่ออก ลองมองใกล้ตัวก่อนก็ได้อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นหลัง ๆ หลายๆ รุ่นตอนนี้ก็เป็น wireless charging คือไม่ต้องต่อสายเสียบปลั๊กอีกต่อไป วางไว้บนแท่นก็สามารถชาร์ตแบตได้แล้ว แบรนด์ไหนที่สามารถปรับตัวแล้วก็สามารถดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ออกมาตอบโจทย์กระแสของ wireless charging ได้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางการเติบโตที่น่าจับตามอง
  7. เมกะเทรนตัวช่วยสั่งการด้วยเสียง ตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่าตลาดนี้จะเติบโตสูงสุดถึง 31% ในทศวรรษหน้า อย่างบริษัทหลายๆ ค่ายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบการสั่งการด้วยเสียงกันมากขึ้น Google มี Google Assistant ส่วน Amazon ก็ยังมี Amazon alexa ยังมีการแข่งขันกันอีกเยอะ และถ้าใครที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ก็สามารถคว้าการเติบโตไปได้

Apex Legends Mobile

Apex Legends Mobile

สำหรับเกมส์ Apex Legends Mobile ที่มีข่าวกันมาตั้งนานว่าจะเปิดให้เล่น หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยกัน ตอนนี้ก็ได้เวลาเปิดตัวเกมส์ Apex Legends Mobile ให้เล่นกันแล้วนะคะ สำหรับ Apex Legends Mobile จะเป็นอย่างไรนั้นเรามาอ่านกันต่อเลยค่ะ

เราจะมาพูดถึงเรื่องราวความเป็นมาของ Apex Legends Mobile ก่อน บางคนไม่เคยรู้จักเกมส์ Apex Legends Mobile มาก่อน ซึ่ง Apex Legends Mobile นั้นเป็นเกมส์ที่พัฒนามาจากเวอร์ชั่น PC นะคะ อย่างที่บอกว่าเกมส์ที่มาจากเวอร์ชั่น PC แล้วพัฒนาทำใหม่ในเวอร์ชั่นมือถือ อาจจะมีการเปลี่ยนชื่อเดิมบ้าง ใช้ชื่อเดิมบ้าง

ในส่วนของเวอร์ชั่น Apex Legends PC ที่ได้รับความนิยมในการเล่นเป็นอย่างมาก ลักษณะการเล่นจะเป็นแนว battle พับจี แต่ว่า Apex Legends มันจะมีความล้ำๆ กว่า ตรงที่ อุปกรณ์เสริมอย่างปืน และอื่นๆ รวมไปถึงวิธีการเล่นของเกมส์มันจะล้ำกว่า PUBG MOBILE PC ซึ่ง PUBG จะทำเกมส์ให้เสมือนจริง แต่ว่า Apex Legends จะทำเกมส์ให้เป็นโลกอนาคต ซึ่งความยอดนิยมของ Apex Legends PC นั้น ผู้เล่นหลายคนได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกมาก คนเล่น 100 ล้านคนทั่วโลก เรียกได้ว่าได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก หลังจากที่เกมส์ Apex Legends PC เปิดตัวให้ดาวน์โหลดภายใน 8 ชั่วโมง มีผู้เข้าร่วมดาวน์โหลดเกมส์และเล่นเกมส์ Apex Legends PC มากถึง 1 ล้านคน และภายใน 3 วันมีผู้เล่นมากถึง 10 ล้านคน เรียกได้ว่าฮอตสนุกกันสุด ๆ เลยที่เดียว ทำสถิติ 50 ล้านดาวน์โหลดภายใน 1 เดือนสำหรับเวอร์ชั่น PC และหลังจากที่เวอร์ชั่น PC ประสบความสำเร็จมาก ๆ มีคนดาวน์โหลดเยอะ มีคนเล่นเยอะ ก็ได้มีเวอร์ชั่นของ Xbox ,Xbox เพราะว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบการเล่น  Xbox และ game playstation ซึ่งเกมส์ Apex Legends นั้นมีการพัฒนาเกมส์อยู่ตลอดเวลา แล้วมีการปรังปรุงอัพเดทเนื้อเรื่องของเกมส์ พวกอุปกรณ์อาวุธในเกมส์อยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้เล่นนั้นรู้สึกชื่นชอบ และอยากเล่นเกมส์ Apex Legends อยู่ตลอดเวลา

ด้วยความที่ผู้พัฒนาได้พัฒนาหลาย platform ทำให้มีผู้เล่นจำนวนเยอะมาก แต่ว่ามูลค่าทางการตลาดของมือถือนั้นก็สูงเช่นกัน เพราะว่าคนส่วนใหญ่นั้นชอบใช้มือถือมากกว่า คอม PC ทำให้ Apex Legends ได้พัฒนามาทำบนมือถือ พอมาเป็นเวอร์ชั่นมือถือโดย Tencent ซึ่งเป็นบริษัทเกมส์ยักษ์ใหญ่ที่ทำเกมส์ดัง ๆ  มากมายหลายเกมส์อย่างเกมส์ PUBG MOBILE ซึ่ง Apex Legends ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ ทดสอบการเล่น 2 ประเทศ ณ ขนาดนี้ นั่นก็คือประเทศอินเดีย และฟิลิปปินส์ ใครที่อยากจะทดสอบการเล่นก็ต้องเข้าไปเล่น แต่ก็อาจจะเจอเรื่องของปิง ซึ่งก็ยังสามารถที่จะเล่นได้อยู่แบบไม่น่าเกลียด หากใครที่อยากเล่นแบบสุด ๆ ก็ลองเข้าไปเล่นดูก่อนได้นะคะซึ่งจะเปิดตัว Apex Legends อย่างเป็นทางการก็ประมาณเดือนกันยายน ตุลาคม จะอยู่ในช่วงประมาณนี้นะคะ จะเปิดให้ไทยเราเล่นกัน

ในส่วนของสเปคของเครื่องว่าขั้นต่ำในการเล่น Apex Legends Mobile นั้น รุ่นมือถือนั้น ๆ จะต้องมีชิพ A11 Bionic สำหรับบน IOS หรือว่า Iphon8 ขึ้นไป แล้วก็ทางด้านของ Android จะเป็น Snapdragon 625 หากต่ำกว่านี้จะกระตุกเอานะคะ เพราะว่าเกมส์ Apex Legends Mobile ค่อนข้างที่จะเกินสเปค PUBG MOBILE ก็สามารถเข้ามาเล่นเกมส์อนาคตอย่าง Apex Legends Mobile กันได้นะคะ

สำหรับเกมส์ Apex Legends Mobile เป็นเกมส์ที่มีอะไร และแปลกใหม่สำหรับผู้เล่นเกมส์ เป็นเกมส์ที่ดูล้ำและดูโลกอนาคตกว่า ใครที่เบื่อแบบแนวสมจริงอย่าง