เทคโนโลยีใหม่ (Technologies) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

เทคโนโลยีใหม่ (Technologies) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

1. สกุลเงินดิจิตอล เรากำลังก้าวเข้าสู้โลกของเงินสดที่มีบทบาทน้อยลดน้อยลง หรือจะเรียกว่าโลกไร้เงินสด และการใช้สกุลเงินดิจิติอลนั้นก็กำลังมีบทบาทมากขึ้น สร้างขึ้นมาเพื่อใช้หมุนเวียนในโลกออนไลน์ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้เราสามารถทำธุรกรรมได้ทุกเวลาขอเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น อีกทั้งการใช้เงินดิจิตอลนี้ ทำให้เราสามารถจับจ่ายเงินเพื่อใช้สอย โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือสถาบันการเงินใด ๆ  อย่างในกรณีของคริปโตเคอเรนซี่ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อคเชน จำนวนเงินและข้อมูลต่างๆ จะไม่ถูกเก็บเอาไว้ทีเดียวแล้วและจะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และนี่ก็เป็นจุดแข็งที่ทำให้ระบบนี้พังทลายได้ยาก นักวิเคราะห์มากมายได้มองว่าสกุลเงินดิจิตอลนี้จะเข้ามาแทนที่ระบบการเงินของเราในอนาคต

2. ปัญญาประดิษฐ์จิ๋ว ในการใช้ AI บนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆ เดิมทีการที่จะใช้งานระบบ AI ได้จำเป็นจะต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการส่งต่อข้อมูลไปที่เซิร์ฟเวอร์กลาง จากนั้นเมื่อทำการประมวลผลเสร็จแล้ว จะมีการส่งกลับมาที่ผู้ใช้ แต่สิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์จิ๋วนี้ เกิดขึ้นมาจากการพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งนั่นหมายความว่ามันจะสามารถทำงานได้โดยที่ไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต ไม่มีการส่งข้อมูลไปประมวลผลที่ส่วนกลางจึงทำให้มันสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและปัญหาข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลมันก็จะลดน้อยลงไปได้

3. Ferren social privacy เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน Ferren social privacy ถูกนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีในสำนักงานสำรวจสำมโนประชากรของสหรัฐเมริกาเทคโนโลยีดังกล่าว มันคือการเก็บรวบรวมข้อมูลของประชากรเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาและการวิจัยขององค์กรต่างๆ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญของเทคโนโลยีนี้ก็คือการป้องกันไม่ให้รู้ว่าข้อมูลแต่ละชิ้นที่องค์กรต่างๆนำไปใช้นั้นคือข้อมูลส่วนตัวของประชาชนคนไหนบ้าง โดยวิธีการป้องกันที่ว่านี้สามารถทำได้โดยการบิดเบือนข้อมูลบางส่วนยกตัวอย่างเช่น การปิดบังชื่อที่อยู่ การเปลี่ยนสีผิว น้ำหนัก ส่วนสูง โดยการบิดเบือนต่างๆ จะต้องไม่มากเกินหรือน้อยเกินไป โดยที่ข้อมูลเหล่านี้จะยังใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. Hyper personal life medicine ด้วยความที่ร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันแบบ 100% บางกรณีบางคนอาจเป็นโรคเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้ยาตัวเดียวกันได้ หรือในบางกรณีก็เป็นโรคร้ายที่หาทางรักษายาก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้การรักษานั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก กรณีก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่เทคโนโลยี Hyper personal life medicine นั้นถือว่าเป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยเหล่านี้ เนื่องจากมันเป็นการรักสาแบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคล ด้วยการเอาข้อมูลที่ลึกถึงระดับ DNA มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นการระบุสาเหตุของโรค การกำหนดวิธีการดูแลผู้ป่วยและรวมไปถึงการทำยาขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะ ซึ่งมันก็จะทำให้การรักษานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดและโอกาสที่ผู้ป่วยจะหายดีก็มีสูงขึ้นมากเช่นเดียวกัน แต่ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์แบบถึงขั้น 100%

5. Unhackable internet ตั้งแต่มี internet ใช้บนโลกของเรา ก่อเกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัยมาด้วยตลอด ทั้งผู้ใช้งานทั่วไปหรือแม้แต่องค์กรใหญ่ ต่างก็เคยถูกแฮกกันทั้งนั้นและนี้คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหานี้ กับเทคโนโลยีควอนตัมอินเตอร์เน็ตที่เป็นการเอาหลักการเชิงควอนตัมมาใช้ ซึ่งมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก จนทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นมันเป็นอินเตอร์เน็ตที่มีความปลอดภัยสูงมาก ถึงขนาดที่ไม่สามารถแฮกได้ หรือต่อให้สามารถแฮกได้ข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่สามารถอ่านค่าได้

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง 2 เทคโนโลยีมาแรงปี 2464

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง 2 เทคโนโลยีมาแรงปี 2465

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI และดิจิตอลซัพพลายเชน ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในปี 2564 เราลองมาอ่านกันเลยว่า 3 เทคโนโลยีปี 2564 นี้จะมีอะไรกันบ้าง

1. ระบบบคลาวด์ (Cloud) เทคโนโลยีระบบคลาวด์ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการจัดการแข่งขันต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น การจัดแข่งขันเทนนิส US Open ปีนี้ ประสบความสำเร็จในการนำระบบคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ยกระดับประสบการณ์เสมือนจริงให้กับเหล่าแฟนคลับ ที่ไม่สามารถอยู่ในการแข่งขันจริงได้ และต่อจากนี้เราจะได้เห็นการจัดการแข่งขันต่างๆ  ที่จะต้องจัดในสถานที่ หันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระบบคลาวด์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมกับผู้รับชมแต่ละรายมากขึ้น การแข่งขันที่วางแผนไว้ในปี 2564 จะดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลก เช่น การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียว และการแข่งขันเทนนิส วิมเบอตั้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีระบบคลาวด์ ก็ยืนหยัดพร้อมพลิกโฉมประสบการณ์ในการรับชมการแข่งขัน ที่แฟน ๆ ทั่วโลกเคยได้รับชมในปัจจุบัน และสร้างประสบการณ์รับชมในรูปแบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีระบบคลาวด์ มาทรานส์ฟอร์มการจัดงานต่างๆ นั้นมีมากมายมหาศาล การวิเคราะห์ความตื่นเต้นของกลุ่มผู้ชมแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอเป็นไฮไลท์เพื่อนำเสนอการจัดการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฟีดรายการสดได้ด้วยความหน่วง หรือรีเจนซี่ที่ต่ำมาก ๆ และการโตตอบกลับกลุ่มผู้ชมที่เลือกไว้ และแน่นอนว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้ จะมีโฮสบนแฟลตฟอร์มต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่

2. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ตลาดแรงงานปี 2564 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ใด ๆ ได้ ทำให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องทำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ไปช่วยในการเฟ้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน AI จะช่วยให้แผนทรัพยากรบุคคลทำงานเชิงรุกและช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าผู้สมัครใดเข้ากันได้กับวัฒธรรมของบริษัท ด้วยการใช้ข้อมูลคุณภาพของการจ้างงานแต่ละครั้ง นวัตกรรมต่างๆ เช่น ซอฟแวร์ในการคัดกรองอัจฉริยะ ที่สามารถคัดกรองใบสมัครต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ แชทบอทที่เป็นผู้ทำหน้าที่สังหารพนักงานที่สามารถนัดหมายกับผู้สมัครได้แบบเรียลไทม์ แต่การสัมภาษณ์แบบดิจิตอลที่ทำผ่านออนไลน์ ซึ่งให้สามารถประเมินความเหมาะสมของผู้สมัครแต่ละรายได้ และเริ่มกลายเป็นการทำงานปกติของแผนกทรัพยากรบุคคล AI มีศักยภาพสูงมากในการสร้างเวิร์ค สเปซที่หลากหลายและครบวงจร สามารถลดอคติและเพิ่มความเป็นกลางในการตัดสินใจในการสร้างงานผ่านอัลกอลิทึ่มต่างๆ ที่คลับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะแยกแยะคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แต่งต่างกันของผู้สมัครแต่ละคนออกมาให้เห็นนอกจากนั้นการใช้ AI ในการดูแลสุขภาพนั้นสำคัญ โดยตลอดปี 2564 จะมีการนำ AI ไปใช้กับการดูแลสุขภาพในหลายด้านอย่างรวดเร็ว การใช้ machine learning กับชุดข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลสุขภาพสามารถติดตามการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้อย่างละเอียด ช่วยในการวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ ใช้ในการวิเคราะห์ให้เป็นประโยชน์ในการติดตามอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จัดสรรบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาการใช้วัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น

การพัฒนาทางเทคโนโลยีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

การพัฒนาทางเทคโนโลยีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

การเปลี่ยนแปลง DNA ในพืชจะทำให้พืชมีความยืดหยุนและเติบโตมากขึ้น และมีแนวโน้มที่การปลูกพืชจะล้มเหลวน้อยลง และในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มผลผลิตในช่วงเวลาที่พืช GMO เป็นประเด็นที่โต้แย้งนั้นได้ผ่านไปนานแล้ว และทุกคนก็จะได้ลิ้มรสความก้าวหน้านี้แบบตรงตามตัวอักษรจริง ๆ

หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานส่วนใหญ่ในตลาดแรงงานระดับล่าง ทำให้มนุษย์ต้องหันไปใส่ใจหน้าที่ที่ต้องใช้ปัญญามากขึ้น และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่กระหายการเรียนรู้ ทุกอย่างที่ใช้หุ่นยนต์ทำได้ จะไม่ต้องอาศัยมนุษย์อีกต่อไป อย่างไรก็ตามในบางส่วน แรงงานหุ่นยนต์เหล่านี้ก็ไม่ได้ทำงานด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ พวกมันยังคงต้องให้คนควบคุมโดยตรง หรือใส่โปรแกรมเพื่อให้ทำสิ่งต่างๆ นั่นจะเป็นการเปิดโอกาสให้สายงานใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าหุ่นยนต์จะมาแย่งงานเรา และทำให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น

พูดถึงเรื่องการเรียนรู้ การแสวงหาทักษะใหม่ ๆ จะง่ายขึ้นยิ่งกว่านี้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยการพัฒนาของ AR และ VR  แม้กระทั่งการเรียนทักษะเชิงปฏิบัติก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่ในห้องเรียนกับอาจารย์จริง ๆ อยากเรียนขับรถก็มีเครื่องจำลองการขับรถให้อยู่ในบ้าน บางทีกระบวนการเรียนรู้เหล่านี้อาจจะยังไม่แพร่กระจายในวงกว้าง แต่แน่นอนว่าจะเริ่มเข้ามาอยู่ในความนึกคิดของคนและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลา

ระบบการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์จะพัฒนาอย่างมาก อย่างโปรแกรมที่ช่วยในการแปร ซึ่งเกือบจะสมบูรณ์แบบ

ระบบการนำร่องที่จะเปลี่ยนแปลงตามวิธีการขับรถของคุณ และอุปกรณ์รวมถึงโปรแกรมอื่น ๆ นั่นจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายดายขึ้น เราจะทำการติดต่อกับใครก็ได้ โดยที่แทบจะไม่มีกำแพงทางภาษา และทำกิจวัตรในประจำวันได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับความไม่สะดวกสบายใด ๆ และต้องขอบคุณสมองกลที่ชาญฉลาดที่สอนตัวเองได้ จากการตัดสินใจด้วยตัวเอง ทั้งในตัวมนุษย์และตัวสมองกลเอง การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทางโทรศัพท์ด้วยสัญญาณ 5 G จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศและเมืองส่วนใหญ่ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การใช้คลื่น 4 G จะใช้เวลานับชั่วโมงในการดาวน์โหลดหนังจากเว็บไซต์ ขณะที่ 5G เป็นอีกขั่นหนึ่งคือดาวน์โหลดหนังเรื่องเดียวกันได้ภายในไม่กี่วินาที ความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่าย จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และทำทุกอย่างได้ตั้งแต่การรายงานสดการแข่งขันกีฬา อย่างที่เคยทำมาแล้วในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมืองเปียงยางปี 2018

ต้องบอกเลยว่ายังมีอีกหลากหลายเทคโนโลยีที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในอนาคตที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความสบายให้กับมนุษย์เป็นอย่างมาก

โลกกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ควรรู้

โลกกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ควรรู้

ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่กี่ปี AI ไม่เพียงแต่สามารถตอบคำถามง่ายๆ และทำตามคำสั่งของเราได้ แต่ยังมีความลึกซึ้งและอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวเอง และบางทีอาจจะพูดคุยกับคนได้ ไม่เหมือนอย่างสิริในทุกวันนี้ แต่เหมือน จาวิส โทนี่สตาร์ค มากกว่า พูดง่ายๆ คือช่วยเป็นผู้ช่วยชั้นยอดของทุกคน

การแพทย์ในสาขาต่างๆ ก็กำลังพัฒนาอย่างก้าวล้ำไปมากขึ้นเรื่อยๆ  และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแพทย์จะพบวิธีแก้ปัญหาสำคัญที่เรากำลังเผชิญ ซึ่งรวมถึงการรักษาโรคมะเร็ง  เอดส์ เบาหวาน อัลไซเมอร์ส และอาการอีกหลายอย่างที่กำลังก่อให้เกิดโรคต่อมนุษย์มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน แน่นอนว่าราคาไม่ได้ถูกอย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญเราจะพบคำตอบแน่นอน และนั่นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา

เราอาจสามารถถอดรหัสจีโนมของมนุษย์ได้ และประเด็นทางชาติพันธ์จะเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ ก่อนที่การดัดแปลงทางพันธุกรรมในคนจะใช้ได้จริง ด้วยสิ่งนี้เราจะขจัดภาวะของโรคที่หน้ากลัวที่เกิดจากพันธุกรรมในเด็กได้ตั้งแต่ก่อนที่เด็กจะเกิด กระทั่งทุกวันนี้นักวิยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยังอภิปรายความเป็นไปได้ในเรื่องนี้กันอยู่ ดังนั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คำถามนี้คงมีคำตอบที่แน่ชัดแล้ว

ในที่สุดพลาสติกจะกลายเป็นสิ่งของในอดีตแบบเดียวกับในรายงานของ ทอมสัน รอยเตอร์ ที่ได้บอกก่อนหน้านี้ว่าปี 2025 วัสดุธรรมชาติ ซึ่งผลิตจากเส้นใยเซลลูโลสจะมาแทนที่บรรจุภัณฑ์แบบพลาสติกในการใช้งานทุกรูปแบบ จะไม่มีการทิ้งขยะกองโต และทิ้งทะเลอีกต่อไป

เรากำลังจะก้าวกระโดดไปสู่การเป็นดาวเคราห์สีเขียว และบอกไว้ก่อนว่าวัสดุใหม่จะให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติก ดังนั้นเราจะไม่สังเกตุเห็นความต่างเลย

การเคลื่อนย้ายมวลสาร และการเดินทางข้ามเวลา จะไม่ใช่เรื่องลี้ลับอีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเคลื่อนย้ายมวลสารแบบควอนตัมนั้นเป็นไปได้ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็กำลังทดลองว่า สิ่งจำเพาะใด ๆ จะสามารถกลับสู่รูปลักษณ์เดิมหรือไม่ ทำให้ดูเหมือนการเดินทางข้ามเวลา นักวิจัยยังเน้นว่าการทดลองทางควอนตัมไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า วิธีเหล่านี้จะใช้ได้ผลกับโลกของวัตถุ และแน่นอนเราอาจจะไม่สามารถเดินทางย้อนกลับไปในอดีตหรือเคลื่อนย้านมวลสารได้ในระยะเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ตัวคอนเซปนี้จะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะทางใด ด้วยเหตุที่การดัดแปลงพันธุกรรมเริ่มกลายเป็นเรื่องธรรมดา

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า

คุณยังจำตัวเองเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้หรือไม่ รอบๆ ตัวคุณนั้นคงแตกต่างจากตอนนี้ใช่หรือไม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในยุค 2021 คือยุคแห่งความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี และเรายังพัฒนาไปเร็วจนชวนให้ตกตลึง แล้วคุณคิดว่าโลกของเราจะเป็นอย่างไรในอีก 4-5 ปีข้างหน้า นั่นเพียงแค่ไม่กี่ปีถัดจากนี้ แต่หลายสิ่ง หลายอย่าง น่าจะตื่นเต้นขึ้นจริง ๆ ลองไปอ่านกันต่อเลยว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเรานั้นจะมีอะไรกันบ้าง

การใช้แผงโซล่าเซลล์ การเอาชนะปริมาณการผลิตพลังงานฟอสซิล แล้วกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดบนโลกของเรา นักวิจัยทอมสัน รอยเตอร์ แน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น เพราะวัตถุดิบใหม่ และวัสดุที่ได้รับการพัฒนา โซล่าเซลล์จะช่วยดูดซับพลังงานแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น แม้กระทั่งตอนที่มีเมฆมาก

ภาพเสมือนและการจำลองโลกจริงจะกลายเป็นเทคโนโลยีหลัก ทุกวันนี้สิ่งที่ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และยังไม่พัฒนามากนักแต่ในอีก 4-5 ปีจากนี้ มันจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นคุณจะสามารถท่องเที่ยวแบบเสมือนจริงไปรอบ ๆ โรงแรมได้ ก่อนจะจองห้องพัก หรือคุณสามารถที่จะดูโมเดล 3 มิตของสินค้าในร้านก่อนที่จะใส่ลงรถเข็ญ ดังนั้นเทคโนโลยีการจำลองโลกจริงนั้นก็ถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก

การฝังไมโครชิพไว้ใต้ผิวหนังแทนกระดาษหรือบัตรพลาสติก อวัยวะเทียมจะทำงานได้เหมือนแขนขาจริงๆ การปลูกถ่ายจะได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้อวัยวะภายในทำงานได้ และยังมีอะไรอีกมากมาย

ในช่วงปี 2025 ทั้งหมดนี้จะเริ่มเข้าถึงคนหมู่มาก และหลังจากนั้นก็จะยิ่งราคาถูกลง และได้รับได้ความนิยมมากขึ้น ปัญหารถติดจะได้รับการแก้ไข หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง ด้วยอัตราการเติบโตขึ้นของการต้องการรถยนต์ไร้คนขับ แม้กระทั่งรถลอยฟ้าแทบทนรอดดูไม่ไหว และจำนวนของมนุษย์จะลดลงอย่างน่าใจหาย และเพราะนั้นคือเหตุผลหลักที่ทำให้การจราจรติดขัดเกิดขึ้น ในที่สุดก็จะได้เห็นถนนโล่ง โปร่งและสบายขึ้นตามเมืองใหญ่ และเราสามารถทำภาระกิจได้เสร็จทันตามเวลาอีกด้วย

และในช่วงปี 2025 พลังงานจากแก๊สโซลีน จะเริ่มกลายเป็นความทรงจำจางๆ  รถยนต์ไฟฟ้าและพลังานไฮโดรเจน จะผลักรถยนต์ใช้แก๊สให้ออกจากตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ที่อาจเกิดขึ้นและเข้ามาแทนที่ส่วนที่เหลือทั้งหมด แค่ลองนึกภาพดูว่ารถยนต์ต้องการพลังงานแสงอาทิตย์ และเวลาระยะหนึ่งก่อนที่คุณจะชาร์ตเพื่อขับไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ ไม่ต้องน้ำมันหมดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีกต่อไป

เรื่องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือ inter of things จะกลายเป็นสิ่งที่ใช้กันทั่วไป บ้านอัจฉริยะ ออฟฟิศอัจฉริยะ ทุกสิ่งก่อสร้างแบบอัจฉริยะ ทุกสิ่งจะเชื่อมกันแบบตรงตามตัวอักษร แยกขาดกันแค่เครือข่ายภายใน การอยู่คนเดียวและกลับมาจากที่ทำงานและมีอาหารเย็นร้อนๆ หรือบ้านสะอาดเอี่ยมรออยู่จะกลายเป็นความจริง ทุกสิ่งจะถูกจัดทำโดยระบบอัตโนมัติ แค่คุณขยับนิ้วไม่กี่ทีบนหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือว่าแท็ปเล็ต

อินเตอร์เน็ตจะเชื่อมต่อโลกทั้งใบเข้าด้วยกันทุกวันนี้ในโลกของเรามีเพียง 3,000 ล้านคนที่เข้าสู่เว็บไซต์ได้ตลอดเวลา และในขณะที่อีก 5,000 ล้านคนเข้าถึงได้อย่างจำกัดหรือเข้าถึงไม่ได้เลย

บริษัทใหญ่ๆ อย่าง google และ Facebook และ Spacex กำลังทำงานร่วมกันในโครงการเพื่อนำอินเตอร์เน็ตมาสู่ทุกคนบนโลกใบนี้ ในความเร็วมากกว่า 1 เมกะไบต์ต่อ 1 วินาที ดังนั้นในช่วงปี 2025 จะประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน และยังมีอื่น ๆ อีกมากมายที่เปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัดโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีนั่นเอง

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

อยากรู้หรือไม่ว่า 7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้จะมีอะไรกันบ้าง

  1. เมกะเทรนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตถึง 86% แล้วบริษัทที่ทำธุรกิจนี้มีอะไรกันบ้าง ก็อย่างเช่น บริษัท Starlink บริษัทผู้ให้อินเตอร์เน็ตจากอวกาศ ที่ก่อตั้งโดยอี ลอนมัสก์ นั่นเอง
  2. เมกะเทรนบล็อกเชน ซึ่งคาดการณ์ว่า 10 ปีหลังจากนี้จะเติบโตถึง 68% ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจนี้ก็คือ IBM Blockchain Worldwire ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบการชำระเงินข้ามประเทศ
  3. เมกะเทรนปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตสูงถึง 55% ซึ่งตัวอย่างของบริษัทที่ทำธุรกิจนี้กับ AI ก็อย่างเช่นบริษัท Deepmind ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนา AI ในเครือของ alfabet บริษัทแม่ของ Google นั่นเอง
  4. เมกะเทรนสื่อภาพเสมือน (AR/VR) ซึ่งธุรกิจที่อยู่ในนี้ก็ต้องบอกว่ามีการคาดการณ์การเติบโตสูงถึง 46% ในรอบ 10 ปีนี้ และตัวอย่างธุรกิจก็อย่างเช่น Oculus ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ภาพเสมือนจาก Facebook นั่นเอง
  5. เมกะเทรน Edge Computing คือระบบประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกหลังจากนี้เราจะเต็มไปด้วยโลกอินเตอร์เน็ต เพราะทุกอย่างสามารถสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตกันได้ ดังนั้นแล้วการประมวลผลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยทำให้การเติบโตของ Edge Computing  เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง โดยมีการคาดการณ์กันว่าในช่วงหลังจาก 10 ปีนี้ Edge Computing  จะเติบโตได้สูงสุดถึง 36% หนึ่งในเจ้าใหญ่ที่ลงมาจับตลาดตรงนี้ก็คือ Amezon ที่เขามีการพัฒนา aws for edge ที่ให้บริการ Edge Computing โดยเฉพาะ
  6. เมกะเทรน พลังงานแบบไร้สาย มีการคาดการณ์กันว่าจะเติบโตสูงถึง 34% ซึ่งประเด็นนี้หลายคนอาจจะนึกไม่ออก ลองมองใกล้ตัวก่อนก็ได้อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นหลัง ๆ หลายๆ รุ่นตอนนี้ก็เป็น wireless charging คือไม่ต้องต่อสายเสียบปลั๊กอีกต่อไป วางไว้บนแท่นก็สามารถชาร์ตแบตได้แล้ว แบรนด์ไหนที่สามารถปรับตัวแล้วก็สามารถดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ออกมาตอบโจทย์กระแสของ wireless charging ได้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางการเติบโตที่น่าจับตามอง
  7. เมกะเทรนตัวช่วยสั่งการด้วยเสียง ตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่าตลาดนี้จะเติบโตสูงสุดถึง 31% ในทศวรรษหน้า อย่างบริษัทหลายๆ ค่ายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบการสั่งการด้วยเสียงกันมากขึ้น Google มี Google Assistant ส่วน Amazon ก็ยังมี Amazon alexa ยังมีการแข่งขันกันอีกเยอะ และถ้าใครที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ก็สามารถคว้าการเติบโตไปได้