รับมือกับการเปลี่ยนแปลง 2 เทคโนโลยีมาแรงปี 2464

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง 2 เทคโนโลยีมาแรงปี 2465

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI และดิจิตอลซัพพลายเชน ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในปี 2564 เราลองมาอ่านกันเลยว่า 3 เทคโนโลยีปี 2564 นี้จะมีอะไรกันบ้าง

1. ระบบบคลาวด์ (Cloud) เทคโนโลยีระบบคลาวด์ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการจัดการแข่งขันต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น การจัดแข่งขันเทนนิส US Open ปีนี้ ประสบความสำเร็จในการนำระบบคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ยกระดับประสบการณ์เสมือนจริงให้กับเหล่าแฟนคลับ ที่ไม่สามารถอยู่ในการแข่งขันจริงได้ และต่อจากนี้เราจะได้เห็นการจัดการแข่งขันต่างๆ  ที่จะต้องจัดในสถานที่ หันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระบบคลาวด์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมกับผู้รับชมแต่ละรายมากขึ้น การแข่งขันที่วางแผนไว้ในปี 2564 จะดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลก เช่น การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียว และการแข่งขันเทนนิส วิมเบอตั้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีระบบคลาวด์ ก็ยืนหยัดพร้อมพลิกโฉมประสบการณ์ในการรับชมการแข่งขัน ที่แฟน ๆ ทั่วโลกเคยได้รับชมในปัจจุบัน และสร้างประสบการณ์รับชมในรูปแบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีระบบคลาวด์ มาทรานส์ฟอร์มการจัดงานต่างๆ นั้นมีมากมายมหาศาล การวิเคราะห์ความตื่นเต้นของกลุ่มผู้ชมแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอเป็นไฮไลท์เพื่อนำเสนอการจัดการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฟีดรายการสดได้ด้วยความหน่วง หรือรีเจนซี่ที่ต่ำมาก ๆ และการโตตอบกลับกลุ่มผู้ชมที่เลือกไว้ และแน่นอนว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้ จะมีโฮสบนแฟลตฟอร์มต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่

2. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ตลาดแรงงานปี 2564 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ใด ๆ ได้ ทำให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องทำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ไปช่วยในการเฟ้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน AI จะช่วยให้แผนทรัพยากรบุคคลทำงานเชิงรุกและช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าผู้สมัครใดเข้ากันได้กับวัฒธรรมของบริษัท ด้วยการใช้ข้อมูลคุณภาพของการจ้างงานแต่ละครั้ง นวัตกรรมต่างๆ เช่น ซอฟแวร์ในการคัดกรองอัจฉริยะ ที่สามารถคัดกรองใบสมัครต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ แชทบอทที่เป็นผู้ทำหน้าที่สังหารพนักงานที่สามารถนัดหมายกับผู้สมัครได้แบบเรียลไทม์ แต่การสัมภาษณ์แบบดิจิตอลที่ทำผ่านออนไลน์ ซึ่งให้สามารถประเมินความเหมาะสมของผู้สมัครแต่ละรายได้ และเริ่มกลายเป็นการทำงานปกติของแผนกทรัพยากรบุคคล AI มีศักยภาพสูงมากในการสร้างเวิร์ค สเปซที่หลากหลายและครบวงจร สามารถลดอคติและเพิ่มความเป็นกลางในการตัดสินใจในการสร้างงานผ่านอัลกอลิทึ่มต่างๆ ที่คลับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะแยกแยะคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แต่งต่างกันของผู้สมัครแต่ละคนออกมาให้เห็นนอกจากนั้นการใช้ AI ในการดูแลสุขภาพนั้นสำคัญ โดยตลอดปี 2564 จะมีการนำ AI ไปใช้กับการดูแลสุขภาพในหลายด้านอย่างรวดเร็ว การใช้ machine learning กับชุดข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลสุขภาพสามารถติดตามการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้อย่างละเอียด ช่วยในการวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ ใช้ในการวิเคราะห์ให้เป็นประโยชน์ในการติดตามอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จัดสรรบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาการใช้วัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น

โลกกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ควรรู้

โลกกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ควรรู้

ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่กี่ปี AI ไม่เพียงแต่สามารถตอบคำถามง่ายๆ และทำตามคำสั่งของเราได้ แต่ยังมีความลึกซึ้งและอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวเอง และบางทีอาจจะพูดคุยกับคนได้ ไม่เหมือนอย่างสิริในทุกวันนี้ แต่เหมือน จาวิส โทนี่สตาร์ค มากกว่า พูดง่ายๆ คือช่วยเป็นผู้ช่วยชั้นยอดของทุกคน

การแพทย์ในสาขาต่างๆ ก็กำลังพัฒนาอย่างก้าวล้ำไปมากขึ้นเรื่อยๆ  และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแพทย์จะพบวิธีแก้ปัญหาสำคัญที่เรากำลังเผชิญ ซึ่งรวมถึงการรักษาโรคมะเร็ง  เอดส์ เบาหวาน อัลไซเมอร์ส และอาการอีกหลายอย่างที่กำลังก่อให้เกิดโรคต่อมนุษย์มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน แน่นอนว่าราคาไม่ได้ถูกอย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญเราจะพบคำตอบแน่นอน และนั่นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา

เราอาจสามารถถอดรหัสจีโนมของมนุษย์ได้ และประเด็นทางชาติพันธ์จะเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ ก่อนที่การดัดแปลงทางพันธุกรรมในคนจะใช้ได้จริง ด้วยสิ่งนี้เราจะขจัดภาวะของโรคที่หน้ากลัวที่เกิดจากพันธุกรรมในเด็กได้ตั้งแต่ก่อนที่เด็กจะเกิด กระทั่งทุกวันนี้นักวิยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยังอภิปรายความเป็นไปได้ในเรื่องนี้กันอยู่ ดังนั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คำถามนี้คงมีคำตอบที่แน่ชัดแล้ว

ในที่สุดพลาสติกจะกลายเป็นสิ่งของในอดีตแบบเดียวกับในรายงานของ ทอมสัน รอยเตอร์ ที่ได้บอกก่อนหน้านี้ว่าปี 2025 วัสดุธรรมชาติ ซึ่งผลิตจากเส้นใยเซลลูโลสจะมาแทนที่บรรจุภัณฑ์แบบพลาสติกในการใช้งานทุกรูปแบบ จะไม่มีการทิ้งขยะกองโต และทิ้งทะเลอีกต่อไป

เรากำลังจะก้าวกระโดดไปสู่การเป็นดาวเคราห์สีเขียว และบอกไว้ก่อนว่าวัสดุใหม่จะให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติก ดังนั้นเราจะไม่สังเกตุเห็นความต่างเลย

การเคลื่อนย้ายมวลสาร และการเดินทางข้ามเวลา จะไม่ใช่เรื่องลี้ลับอีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเคลื่อนย้ายมวลสารแบบควอนตัมนั้นเป็นไปได้ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็กำลังทดลองว่า สิ่งจำเพาะใด ๆ จะสามารถกลับสู่รูปลักษณ์เดิมหรือไม่ ทำให้ดูเหมือนการเดินทางข้ามเวลา นักวิจัยยังเน้นว่าการทดลองทางควอนตัมไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า วิธีเหล่านี้จะใช้ได้ผลกับโลกของวัตถุ และแน่นอนเราอาจจะไม่สามารถเดินทางย้อนกลับไปในอดีตหรือเคลื่อนย้านมวลสารได้ในระยะเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ตัวคอนเซปนี้จะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะทางใด ด้วยเหตุที่การดัดแปลงพันธุกรรมเริ่มกลายเป็นเรื่องธรรมดา

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้

อยากรู้หรือไม่ว่า 7 เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในทศวรรษนี้จะมีอะไรกันบ้าง

  1. เมกะเทรนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตถึง 86% แล้วบริษัทที่ทำธุรกิจนี้มีอะไรกันบ้าง ก็อย่างเช่น บริษัท Starlink บริษัทผู้ให้อินเตอร์เน็ตจากอวกาศ ที่ก่อตั้งโดยอี ลอนมัสก์ นั่นเอง
  2. เมกะเทรนบล็อกเชน ซึ่งคาดการณ์ว่า 10 ปีหลังจากนี้จะเติบโตถึง 68% ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจนี้ก็คือ IBM Blockchain Worldwire ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบการชำระเงินข้ามประเทศ
  3. เมกะเทรนปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตสูงถึง 55% ซึ่งตัวอย่างของบริษัทที่ทำธุรกิจนี้กับ AI ก็อย่างเช่นบริษัท Deepmind ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนา AI ในเครือของ alfabet บริษัทแม่ของ Google นั่นเอง
  4. เมกะเทรนสื่อภาพเสมือน (AR/VR) ซึ่งธุรกิจที่อยู่ในนี้ก็ต้องบอกว่ามีการคาดการณ์การเติบโตสูงถึง 46% ในรอบ 10 ปีนี้ และตัวอย่างธุรกิจก็อย่างเช่น Oculus ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ภาพเสมือนจาก Facebook นั่นเอง
  5. เมกะเทรน Edge Computing คือระบบประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกหลังจากนี้เราจะเต็มไปด้วยโลกอินเตอร์เน็ต เพราะทุกอย่างสามารถสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตกันได้ ดังนั้นแล้วการประมวลผลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยทำให้การเติบโตของ Edge Computing  เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง โดยมีการคาดการณ์กันว่าในช่วงหลังจาก 10 ปีนี้ Edge Computing  จะเติบโตได้สูงสุดถึง 36% หนึ่งในเจ้าใหญ่ที่ลงมาจับตลาดตรงนี้ก็คือ Amezon ที่เขามีการพัฒนา aws for edge ที่ให้บริการ Edge Computing โดยเฉพาะ
  6. เมกะเทรน พลังงานแบบไร้สาย มีการคาดการณ์กันว่าจะเติบโตสูงถึง 34% ซึ่งประเด็นนี้หลายคนอาจจะนึกไม่ออก ลองมองใกล้ตัวก่อนก็ได้อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นหลัง ๆ หลายๆ รุ่นตอนนี้ก็เป็น wireless charging คือไม่ต้องต่อสายเสียบปลั๊กอีกต่อไป วางไว้บนแท่นก็สามารถชาร์ตแบตได้แล้ว แบรนด์ไหนที่สามารถปรับตัวแล้วก็สามารถดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ออกมาตอบโจทย์กระแสของ wireless charging ได้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางการเติบโตที่น่าจับตามอง
  7. เมกะเทรนตัวช่วยสั่งการด้วยเสียง ตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่าตลาดนี้จะเติบโตสูงสุดถึง 31% ในทศวรรษหน้า อย่างบริษัทหลายๆ ค่ายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบการสั่งการด้วยเสียงกันมากขึ้น Google มี Google Assistant ส่วน Amazon ก็ยังมี Amazon alexa ยังมีการแข่งขันกันอีกเยอะ และถ้าใครที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ก็สามารถคว้าการเติบโตไปได้